วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

"หลวงพ่อ...ทำให้ชีวิตท่านดีขึ้นอย่างไร"

สวัสดีครับท่านผู้มีบุญทั้งหลาย วันนี้ผมขออนุญาต เขียนเรื่องราวดีๆ ของบุคคลอัศจรรย์ โดยสังเขป รวมถึง ธรรมะแง่คิดที่ผมได้รับจากบุคคลคนนี้จนทำให้ชีวิตผมดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ  บุคคลอัศจรรย์ท่านนั้น คือ พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุณี หลวงพ่อธัมมชโย

พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุณี  มีนามเดิมว่า ไชยบูลย์ สุทธิผล  ท่านเป็นผู้ขวนขวายในการศึกษาหาความรู้ต่างๆ อยู่เสมอ และมีความสุขกับการใช้เวลาว่างไปแสวงหาความรู้ตามแผงหนังสือ หรือตลาดนัดหนังสือนานาประเภท  ผิดกับเด็กวัยเดียวกันที่มักจะเอาแต่เที่ยวเล่นสนุกสนานไปวันๆ  หากวันใดเจอหนังสือที่เกี่ยวกับการปฏิบัติกรรมฐาน เป็นต้องหยิบอ่านซ้ำแล้ว ซ้ำอีก อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ยิ่งอ่านก็ยิ่งขัดเกลาความคิดให้มองเห็นความทุกข์ในทางโลกยิ่งขึ้น แม้กระทั่งหนังสือประเภทประวัติบุคคลสำคัญของโลก ก็อ่านแล้วอ่านอีกจนจำชื่อและผลงานของแต่ละท่านได้แม่นยำ และได้จุดประกายความคิดในใจว่า เราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต ซึ่งความคิดเกินวัยนี้ ท่านได้เขียนไว้ในสมุดบันทึกในวัย 13 ปี ตอนหนึ่งว่า

“ถ้าเรามาทางโลก ก็อยากไปให้สูงสุดในทางโลก ถ้าหากว่าอยู่ในทางธรรม ก็อยากจะไปให้สูงที่สุดในทางธรรม และก็จะนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ทั่วโลก”
ท่านต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง  กิจวัตรส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อการทำสมาธิทั้งสิ้น ทุกวันเวลาประมาณ 6 โมงเช้า ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สมัยนั้นต้องขึ้นรถเมล์ถึง 3 ต่อ ขณะที่อยู่บนรถไม่ว่านั่งหรือยืนก็ตาม ท่านจะหลับตาทำสมาธิอยู่ตลอดเวลา  ประมาณ 8 โมงเช้าจึงมาถึงวัดปากน้ำ  และรีบตรงดิ่งไปนั่งสมาธิต่อกับคุณยายทันที จนกระทั่งถึง 2 ทุ่มจึงเลิก  และกลับถึงมหาวิทยาลัยราว  4 ทุ่ม
ประวัติในส่วนนี้แสดงให้เห็นอุปนิสัยที่แตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน คือมีอุปนิสัยรักในการแสวงหาความรู้ จนเกิดความคิดตามอย่างบัณฑิตโบราณ ที่มิใช่มองชิวิตเพียงแค่ช่วงที่มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้เท่านั้นหากแต่ มองถึงความเป็นจริงของชีวิต ส่งผลให้ความคิดความอ่าน รวมถึงการดำลงชิวิตเป็นไปอย่างถูกต้อง ตาม ครรลองคลองธรรม เมื่อท่านพบครูบาอาจารย์คือ คุณยายอาจารย์จันทร์  ขนนกยูงแล้ว ท่านก็ทุ่มเทปกิบัติธรรมอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันในส่วนนี้ เป็นเกิดแรงบันดาลใจให้ผมคิดในหลายๆด้าน ได้แก่เมื่อ เราพบความรู้ที่แท้จริงอันเป็นไปเพื่อการดับกองทุกข์ ซึ่งเป็นความรู้ในบุญเขตของพระพุทธศาสนา แล้วทำไมเราถึงจะทิ้งไปเล่า ความรู้นี้จะส่งผลให้ชิวิตของผู้ที่ปฏิบัติธรรมจะยิ่งเจริญงอกงามและมีความสุข ทำให้ผมสนใจศึกษาะรรมะมากขึ้นจากที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจเลย สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องโดยอาศัยธรรมะเป็นพื้นฐาน  รวมถึงได้ข้อคิดว่า ของจริงย่อมคู่กับคนจริง ขนาดพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังต้องอุทิศกายใจ ฝึกตัวมาตั้งมากมาย ปัจจจุบันท่านก็ยังเป็นต้นบุญต้นแบบในการฝึกตัว ซึ่งผมก็ได้น้อมนำมาปฏิบัติได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อย่างน้อยก็ฝึกอุปนิสัยรักในการฝึกตัวเพื่อต่อยอดคุณธรรมให้เพิ่มมากขึ้น
 แม้จะเอาจริงเอาจังกับการทำสมาธิเพียงใด แต่เรื่องการเรียนก็สามารถสอบผ่านไปได้ด้วยดีทุกภาคการศึกษา เพราะเป็นธรรมดาของบัณฑิตผู้มีปัญญาที่ตระหนักว่า การศึกษาที่สมบูรณ์จำเป็นต้องควบคู่กันไปทั้งทางโลกและทางธรรม ความรู้ทางโลก มีความจำเป็นต้องเรียนเพื่อหาเลี้ยงชีพ ส่วนความรู้ทางธรรม เรียนไปเพื่อกล่อมเกลาจิตใจให้ดีงาม และที่สำคัญทำให้ท่านคลายความสงสัยในเรื่องที่เป็นความลับของชีวิต ที่ว่า คนเราตายแล้วไปไหน ?  นรก สวรรค์ มีจริงหรือไม่ ? จะพิสูจน์ได้อย่างไร ความรู้ที่ลึกซึ้งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัยใดๆ  นอกจากความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   จึงเป็นเหตุให้จิตใจของท่านเอนเอียงมาในการศึกษาทางธรรมมากกว่า  เพราะแม้กระทั่งในเวลาสอบ ถ้าสอบตอนเช้าตอนบ่ายก็จะนั่งรถเมล์ไปปฏิบัติธรรมที่วัดปากน้ำ  และทำอยู่เช่นนี้อย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด จนกระทั่งเรียนจบ
ถึงแม้หลวงพ่อท่านจะทำสมาธิมากเพียงใด หน้าที่ของท่านคือ การศึกกษาเล่าเรียนก็ไม่ได้กระทบแต่อย่างใดเป็นต้นบุญต้นแบบในการรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนอย่างยิ่งยวดในทุกๆหน้าที่ที่เราเป็น คุณธรรมเรื่องความรับผิดชอบนี้ ผมก็ได้น้อมนำมาปฏิบัติ ทำให้ชิวิตผมทั้งทางด้านการศึกษาธรรมะ รวมถึงหน้าที่ในการเรียนก็สามารถไปควบคู่กันได้ด้วยดี

 เงินทุนเริ่มต้นของการสร้างวัดมีอยู่เพียง 3,200 บาท กับที่นา 196 ไร่ ที่ได้รับบริจาคมาจากคุณหญิงประหยัด แพทยพงศาวิสุทธาธิบดี 
หมู่คณะทุกคน จึงต้องตรากตรำทำงานหนักและดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายยิ่ง มีเพียงน้ำพริกผักจิ้มเป็นอาหารหลัก โดยอาศัยเก็บผักที่ขึ้นอยู่ตามท้องนาบริเวณนั้น 

แต่ทุกคนก็เต็มเปี่ยมด้วยขวัญและกำลังใจ ทั้งเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำว่าจะต้องสำเร็จ แม้ว่าขณะนั้นจะยังมองไม่เห็นทางเลยก็ตาม ปัญหาหนักเรื่องหนึ่ง ก็คือ การจัดหาทุน
 
     ในเรื่องนี้พระราชภาวนาวิสุทธิ์จะให้โอวาทแก่คณะทำงานเสมอว่า ปัจจัยทุกอย่างที่สาธุชนทำบุญมานั้น เป็นปัจจัยที่ผู้ทำบุญได้อธิษฐานจบท่วมหัวถวายพระศาสนาจะต้องช่วยกันดูแลรักษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

 จากภาพที่ผ่านมานั้นแสดงถึงคุณธรรม หลายอย่างของหลวงพ่อทั้งมุ่งมานะ อดทน การเป็นผู้นำ ที่ทำให้ดู มิใช่เจ้านายที่สั่งให้ทำ ทำให้ผมตระหนักว่าหัวใจของหลวงพ่อนั้นใหญ่มหาศาลกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบ ท่านเป็นยอดผู้นำในหมู่ผู้นำ  ผมได้ข้อคิดว่าการเป็นผู้นำคนต้องมีกำลังใจที่มหาศาล ต้องมีความเข้าใจในหมู่คณะ
หลังจากบวชแล้วท่านได้กล่าวถึงอุดมการณ์ในการออกบวช ไว้ตอนหนึ่งว่า:
 
“การบวชเป็นพระไม่ใช่ของง่าย หาใช่ครองผ้ากาสาวพัสตร์แล้วจะเป็นพระได้  จะต้องปฏิบัติกิจวัตรของสงฆ์ซึ่งมีศีล ๒๒๗ ข้อ  ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย… การบวชนั้นถ้าจะให้ได้บุญกุศล ควรจะเป็นที่พึ่งของพระศาสนาได้ด้วย ไม่ใช่บวชมาเพื่อพึ่งพระศาสนาอย่างเดียว"

สุดท้ายนี้ผมอยากบอกว่าคุณธรรมของท่านมีมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสามารถ น้อมนำไปปฏิบัติตามได้มากน้อยแค่ไหน  เมื่อผมได้มีโอกาสรู้จักหลวงพ่อรู้จักวัดพระธรรมกาย ชีวิตผมรวมถึงครอบครัวมีสิ่งดีเกิดขึ้น หลายเรื่องก็สำเร็จอย่างอัศจรรย์  ถึงแม้ว่าอุปสรรคหรือปัญหาหลายๆอย่างยังคงมีอยู่ แต่หนทางวิธีการที่ได้จากธรรมมะและคุณธรรมในการฝึกตัวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็เป็นเครื่องการันตีได้อย่างแน่นอนแล้วว่า ทางสายนี้ที่มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นผู้นำ จะมีปลายทางที่ทำให้ชีวิตมีแต่ความเจริญ ไม่หลงไปเสียเวลา กับเรื่องต่างๆ ปลอดภัยจากอบายมุขทั้งปวง  ที่สำคัญชิวิตของผมและคนรอบข้างก็ต้องดีขึ้น ดีขึ้น ทุกวันแน่นอน


วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง"

สวัสดีครับ ท่านผู้มีบุญทุกท่าน วันนี้ผมขอแชร์เรื่องบุญ ที่ผมมีโอกาสไปเห็นและมีโอกาสพบเจอด้วยตัวเอง ก่อนอื่นนั้นเราต้องจำกัดความคำว่าบุญก่อน ว่าคืออะไร เป็นยังไง เพราะเป็นนามธรรมมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสังเกตุไม่ได้ซะทีเดียว ผมขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้เชี่ยวชาญ ในด้านพระพุทธศาสนาลึกซึ้งเท่าใดนัก แค่เป็นผู้ที่อยากทำกายวาจาใจ ให้บริสุทธิ์ โดยเอาตัวเองเป็นตัวสังเกตุว่า ที่ทำแล้วตัวเองได้ประโยชน์หรือไม่ และสังคมรอบข้างได้ประโยชน์หรือไม่ อย่างไรก็ตามบุญในความคิดของผมนั้นเป็นพลังงานบริสุทธิ์อย่างนึงที่เป็น อจินไตย  ส่งผลได้ต่างนานา ไม่สามารถกำหนดขอบเขตที่แน่นอนได้ พิมพ์อย่างนี้ อาจจะอ่านเข้าใจยาก แต่ผมมีข้อสังเกตุง่ายๆ ว่าช่วงไหนบุญกำลังส่งผล โดยสังเกตุจากใจเราจากตัวเรานี้แหละ บุญแปลว่าเครื่องชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ในขนาดที่บุญส่งผลใจเราจะรู้สึกอิ่มเอม มีความสุข ไม่อยากเบียดเบียนใคร รู้สึกพอใจในสิ่งที่มี อยากที่จะเป็นผู้ให้ และอยากให้ผู้อื่นมีควาสุขเหมือนกับเรา สภาวะอย่างนี้จะเป็นช่วงที่มีพลัง ถึงแม้จะพบปัญหาอะไรเข้ามาก็ไม่สามารถกระทบจิตใจเราได้ แม้มีคนมาด่าก็รู้สึกเฉยๆ อีกประการที่เป็นข้อสังเกตุได้ ก็คือ ช่วงไหนที่เราใจสบายๆทำอะไรก็สมหวัง รู้สึกว่าง่ายไปหมด ช่วงแบบนี้แหละเป็นช่วงที่บุญส่งผล ตรงกันข้ามหากช่วงไหนรู้สึก fail ทำอะไรไม่เป็นไปตามคาดสักอย่าง นั้นเป็นช่วงที่บาปส่งผล ถึงแม้บางครั้งเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ไข้ แต่กลับรู้สึกแย่กับตัวเองช่วงแบบนี้ก็เช่นกัน ทั้งหมดนี้เป็นวิธีสังเกตุดูง่ายๆที่ผมลองใช้กับตัวเองและรู้สึกว่า เออ มันเป็นอย่างนี้จริงๆ สำหรับกรณีที่พบประสบกับตัวเองมีหลายครั้งที่ไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลได้ อย่างเช่น เมื่อก่อนนี้ที่บ้านของผมจะมีการส่งเสริมการทำปาณาติบาต หรือส่งเสริมให้มีการฆ่าเป็นประจำ คือมีอาชีพเลี้ยงหมูเพื่อส่งเขียงขาย ซึ่งทั้งหมูขุนก็ส่งไปขายเป็นเนื้อตามตลาด หมูแม่พันธุ์ ก็ส่งเค้าทำลูกชิ้น ส่วนลูกหมูก็ส่งทำหมูย่างบ้าง ขายให้เขาไปเลี้ยงต่อบ้าง รายได้ต่อเดือนเกือบๆแสน บางเดือนก็แสนกว่า โดยบางเดือนมีโอกาสส่งหมูไปฆ่าถึง ร้อยตัวเลยทีเดียว ยอมรับว่ารายได้ดีมาก แต่น่าแปลกที่ไม่สามารถเก็บเงินได้เลย เพราะเป็นเงินร้อน คือได้มาโดยการค้าขายอยู่บนชิวิตของผู้อื่นประกอบกับมีปัญหาต่างๆเข้ามามากมายทำสิ่งใดก็ประสบพบแต่อุปสรรค ทั้งปัญหาเรื่องคน ปัญหาเรื่องเงิน ปัญหาเรื่องครอบครัว สารพัดสารเพ หลังจากที่พบได้มีโอกาสศึกษาเรื่ององค์ประกอบของศีล ผมก็เริ่มอธิษฐานจิต ให้ที่บ้านเลิกอาชีพนี้ ขณะเดียวกันก็ขอร้องให้คุณพ่อเลิกอาชีพนี้ควบคู่กันไปด้วย ทำอยู่ตั้งหลายปี ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกซ้ำร้ายยังประกอบกิจการหนักขึ้นไปอีก เพราะรายได้ดีอย่างที่บอกไปแล้ว จุดเปลี่ยนอยู่ที่เมื่อผมได้เข้ามหาลัย มีรุ่นพี่ได้มาชวนบวชโครงการอบรมธรรมทายาท ซึ่งเป็นโครงการอุปสมบทภาคฤดูร้อน ผมสนใจโครงการนี้ รุ่นพี่เลยแนะนำว่าให้หมั่นเติมบุญเรื่อยๆ เพราะเมื่อเราอยากทำความดีมักจะมีอุปสรรคมาขัดขวาง การบวชนี้เป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่อุปสรรคก็จะใหญ่ตามไปด้วย ให้หมั่นเติมน้ำมันให้กับชิวิต แล้วรถคันนี้นี้จะสามารถแล่นผ่านอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดาย ผมฟังครั้งแรกก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ปฏิบัติตามเพราะกิจกรรมที่พี่เค้าชวนก็เป็นพวกสวดมนต์นั่งสมาธิ จัดงานตักบาตรปล่อยปลา เป็นต้น ซึ่งมีแต่กิจกรรมดีๆ และพี่เค้ายังสอนให้อธิษฐานจิตในเรื่องที่เราปรารถนาหรือที่เจออุปสรรคอีกด้วย เรื่องนึงที่ยังติดอยู่ในใจผมอยู่ก็คือเรื่องการประกอบอาชีพของที่บ้านนี้แหละ ผมเลยอธิษฐานจิตในเรื่องนี้ทุกๆวันปรากฏว่าในช่วงก่อนขึ้นปีใหม่ ผมก็ไปรบเร้าให้เลิกทำอาชีพนี้แล้วอธิบายเหมือนที่ทำประจำๆแต่ผลปรากฏว่าคราวนี้คุณพ่อเริ่มเห็นด้วยพร้อมพยักหน้าและครุ่นคิดตาม ซึ่งนั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี ผมก็หมั่นสร้างกุศลกรรมอย่างสม่ำเสมอจนในที่สุดที่บ้านก็เลิกอาชีพนี้อย่างเด็ดขาด ถึงแม้ว่ารายได้จะลดลง แต่คุณภาพชีวิตกลับเพิ่มขึ้น ความสุขและความสบายใจก็ค่อยๆเพิ่มพูน ที่ผมเล่ามานี้เป็นเพียงเศษเสี้ยว ของเหตุการณ์อีกหลายเหตุการณ์ที่สำเร็จเป็นอัศจรรย์อย่างง่ายดาย อย่างมีอีกหลายเคสครับ ที่เกิดเหตุอัศจรรย์ มีทั้งรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านพ้นอุปสรรคแบบง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ จนถึงขั้นที่บางเคสหายจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างโรคมะเร็งเลยทีเดียว กรณีทั้งหลายเหล่านี้ชี้ให้เห็นแล้วว่า ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งสมองสองมือเท่านั้นที่เป็นปัยจัยของความสำเร็จแต่ยังมีบุญคอยเกื้อหนุนเป็นปัจจัยของความสุขและความสำเร็จอีกหนึ่งอย่างด้วย เมื่อไหร่ที่บุญมากอุปสรรคก็จะน้อย เมื่อไหร่ที่บุญน้อยอุปสรรคก็จะมาก เมื่อไหร่หมดบุญชีวิตก็หมดสิ้น อย่าลืมนะครับใจเราเป็นธาตุสำเร็จ ใจเข็มแข็งจะสามารถสร้างสิ่งที่อัศจรรย์ให้เกิดขึ้นมาได้ ฝากเอาไว้นะครับ ขอให้คิดดี ทำดีพูดดี แล้วชีวิตจะดีขึ้นแน่นอน กราบอนุโมทนา กับผู้มีบุญที่ได้อ่าน กระทู้นี้ทุกท่านเลยนะครับ สาธุ

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

"เล่าบุญตั้งแต่เช้าของวันนี้ วันอาทิตย์ต้นเดือนที่ 6 มีนาคม ให้ปลื้มใจ"



วันนี้ผมขอยกสุภาษิตบทหนึ่ง ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า “ประโยชน์ได้ล่วงเลยคนโง่เขลา ผู้มัวคอยฤกษ์อยู่ ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดาวดวงจักทำอะไรได้”  ผมได้ข้อคิดว่า เราควรทำทุกวันให้ดีที่สุด คุ้มที่สุด อย่ามัวรอฤกษ์งามยามดี วันนี้ถือเป็นวันดีอีกวันหนึ่งของผม วันนี้ที่วัดพระธรรมกายมีงานจัดงานบุญต้นเดือน ชื่อว่าพิธีบูชาข้าวพระ ผมได้มีโอกาสมาร่วมกิจกรรมในวันนี้ด้วย โดยในช่วงเช้ามีการจัดกิจกรรมตักบาตร ณ บ้านแก้วเรือนทองของคุณยาย ได้ตักบาตรเป็นสังฆทาน เมื่อเราพอมีความรู้เกี่ยวกับหลักศาสนาบ้างเราจะรู้ถึง อานิสงส์ของบุญ ที่อยู่เบื่องหลังความสุขและความสำเร็จ  การได้เป็นผู้ให้ตั้งแต่เช้า ของหัววันเป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก (ภาษาวัยรุ่น คือ ฟิน ) อานิสงส์ของการทำทาน จะทำให้เกิดมา มีทรัพย์สินไว้ประคองชีวิต จะได้ไม่จำเป็นต้องไปประกอบ มิจฉาอาชีพ หากคนทุกคนเกิดมารวยคงไม่จำเป็นจะต้องไปผิดศีล เพราะถูกคนโดยพื้นฐานจิตใจแล้วก็อยากเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น จึงเป็นธรรมดาที่คนเราจึงอยากรวย และถือเป็นเรื่องปกติ การทำสังฆทานโดยไม่เจาะจงพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งนั้น พระพุทธองค์ตรัสว่ามีอานิสงส์มากกว่าถวายกับพระองค์เองเสียอีก ประกอบกับที่หลวงปู่สดวัดปากน้ำ ท่านได้บอกไว้ว่า "หวงคือไล่ ให้คือเรียก" อยากไรก็ตามในวันนี้หลังจากที่ผมได้ตักบาตรตอนเช้าแล้ว ผมมีโอกาสได้เป็นผู้อำนวยความสะดวก โดยเป็นผู้ไปขนอาหารเช้า-เพลให้แก่ผู้มาร่วมงาน กว่า 400 ชุด ผู้ให้อาหาร ได้ชื่อว่าให้ อายุ วรรณะ สุขขะ พละ ผมคิดได้ดังนี้ผมจึงรู้สึกปลื้มมากเลยครับ  หลังจากรับประทานข้าวเช้าเสร็จ ก็ได้สวดมนต์ทำวัตรเช้า ได้สรรเสริญคุณของพระรัตนไตร ซึ่งมีอานิสงส์อันมิอาจจะนับจะประมาณได้ ต่อจากนั้นก็เริ่มเข้าสู่พิธีกรรมบูชาข้าวพระ ซึ่งต้องนั่งสมาธิตั้งแต่ 9.30-11.30 น. อยากจะบอกว่าเป็นช่วงที่รู้สึกดีมากๆ เพราะสดชื้น เต็มอิ่มและได้บุญด้วย ผมมีโอกาสได้นั่งถึงแค่ ช่วง 10.30 น. เพราะต้องไปขนข้าวก่อน ขณะนั้นยิ่งรู้สึกดีในความที่ตัวเราเองได้เสียสละ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ดีอีกความรู้สึกนึงครับ หลังจากนั้นผมได้สอนน้องๆในการแยกขยะ ในเรื่องความดีสากล ช่วงบ่ายได้พาน้องมาสัมภาษณ์ โครงการธรรมทายาทหญิง ซึ่งเป็นโครงการที่ได้ปลูกสัมมาทิฏฐิให้แก่น้อง หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ประชุมงานพระศาสนา จากที่ผมเล่ามาทั้งหมดนั้น ถือเป็นวันที่ทรงคุณค่าอีกวันหนึ่งเพราะตลอดวันเราไม่ได้ประมาทเลย หมั่นสั่งสมบุญกุศลให้ติดตัวเพราะเราไม่รู้ว่า พรุ่งนี้กับชาติหน้าสิ่งใดจะมาถึงก่อนกัน บรรยากกาศที่หยิบยกมาในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกิจกรรมในวัดใหญ่แห่งนี้ ขนาดแค่มาร่วมกิจกรรมแค่เพียงวันเดียวยังขนาดนี้แล้วคนที่เขาอยู่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี้จะขนาดไหน ฝากเอาไว้นะครับ ผู้ใดที่มีโอกาสโอกาส อ่านบทความนี้แล้ว อยากเรียนเชิญนะครับ ครั้งนึงอยากให้ลองมาสัมผัสบรรยากาศของวัด ที่ถูกเขาว่ามาอย่างหนาหู ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงไหมครับ

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

"หลวงพ่อธัมมชโย ให้อะไรแก่ฉัน"




ในวันนี้ผมขอมาเพิ่มเติมและขยายความ ประโยชน์ที่ได้จากการฝึกตัวหรือพัฒนาตัว โดยได้รับการถ่ายทอดจากครูหรือสิ่งแวดล้อม การที่เราจะพัฒนาตัวเองไปข้างหน้านั้น เชื่อว่าทุกคนต้องมีเป้าหมายว่าอยากพัฒนาตัวเองเช่นไร จากนั้นเราก็จะเริ่มมองหาต้นแบบ เพื่อเป็นจุดหมาย หรือ model แห่งความสำเร็จ ที่สำคัญคือ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้มีแรงขับเคลื่อน ที่จะพัฒนาตัวเองอย่างก้าวหน้า
ตัวผมก็เช่นเดียวกัน ที่มองหาครูผู้เป็นต้นแบบให้ผมได้ แล้วผมก็มาพบผู้ที่เป็นมากกว่าครูที่สอนศิลปะความรู้ทั่วไป ครูที่เป็นมากกว่าต้นแบบ คือเป็นต้นบุญด้วย ครูบาอาจารย์ของผมคนนี้ท่านมีมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่ คือ มุ่งสร้างบารมีให้แก่รอบ เพื่อขนรื้อสัตว์ขนสัตว์ทั้ง สังสารวัฏ ก้าวพ้นกองทุกข์ แน่นอนว่าดูเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่แต่ท่านก็พิสูจน์ให้เห็นโดยการกระทำ ทำเรื่องที่คนอื่นทำได้ยากและทำสม่ำเสมอมา ตลอด 72 ปี  ท่านก็ยังไม่เคยหยุด ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ จะมีบุคคล อัศจรรย์เช่นท่านสักกี่คนที่มีหัวใจคับฟ้า  อยากให้คนทั้งโลกเกิด สันติสุขภายใน ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นผ่านคุณธรรมอันมากมายที่ท่นได้แสดงออกมา ทั้งความเคารพนอบน้อม  มีจริยาวัตร ที่งดงาม สมถะ ที่สำคัญที่ผมเห็นจากตัวท่านคือความอดทนเด็ดเดี่ยวไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ใจท่านมีแต่ความสำเร็จเสมอ ไม่ไหวหวั่นแม้จะถูกแรงกดดัน ที่บีบมาจากทั่วทุกสารทิศ โดยยึดปณิธานของหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ คือไม่สู้ไม่หนีทำดีเรื่อยไป ขอให้เป็นงานพระศาสนาต้องสำเร็จลูกเดียว  เป็นคนจริง ตัวท่านเป็นผู้รักการปฏิบัติธรรมเป็นชีวิตจิตใจ นอกจากนั้นความเคารพของท่านผมไม่สามารถหาคำมาเปรียบได้เปรียบได้เลย ท่านเคารพมหาปูชนียาจารย์ กล่าวคือผู้เป็นอาจารย์ของท่าน การวางตัวอย่างไม่มีที่ติของท่าน ทำให้เป็นที่เคารพรักของศิษยานุศิษย์ และสาธุชนที่มาเห็น สิ่งเหล่านี้ไม่น่าเชื่อว่าจะรวมอยู่ในบุคคลคนเดียว ที่มอบความดี ความรักให้แก่คนทั้งโลก บุคคลท่านนี้คือ พระเทพญาณมหามุนีหลวงพ่อธัมมชโย ท่านเป็นต้นบุญต้นแบบให้แก่คนหลายคนรวมทั้งผมด้วย  ในวันนี้ผมรู้สึกโชคดีที่มาเจอบุคคลอัศจรรย์อย่างเช่นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ  สิ่งที่ผมได้พิมพ์มาทั้งหมดนี้หาใช้เป็นเรื่องเกินเลยไม่ แต่คือเศษเสี่ยวคุณความดีที่มีอยู่อย่างมากมาย ถ้ามีโอกาสลองมาดูนะครับ ที่นี้ ...วัดพระธรรมกาย

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

"สิ่งดีๆที่วัดพระธรรมกายให้ฉัน"

สำหรับวันนี้ผมก็มีเรื่องราวดีๆของวัดพระธรรมกาย มาแชร์ให้ ทุกท่านได้รู้เพิ่มเติม วัดพระธรรมกายแห่งนี้ มีพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุณีหลวงพ่อธัมมชโย เป็นเจ้าอาวาส และถือเป็นครูบาอาจารย์อีกคนหนึ่งของผม คุณธรรมของท่านได้สร้างประโยชน์ในแง่ของตัวผมเอง หรือเรียกว่าประโยชน์ตน ได้แก่   หลวงพ่อธัมมชโย ท่านมีเสขิยวัตรที่งดงาม สำรวมทุกอริยบท ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผมฝึกตัว จนคนรอบข้างทักว่าใจเย็นลงและมีสติมากขึ้น,  หลวงพ่อธัมมชโยท่านเป็นผู้ที่มีความเคารพสูงยิ่งซึ่งสอดคล้องกับกิจกรรมของวัดพระธรรมกาย ที่ส่งเสริมให้ผู้คนนิยมจับดี(ตรงกันข้ามกับจับผิด)กัน ซึ่งผมก็นำไปปฏิบัติ จนรู้สึกให้อภัยคนอื่นได้ง่าย ไม่คิดจับผิดเหมือนเมื่อก่อน , หลวงพ่อธัมมชโยท่านเป็นต้นแบบในเรื่องความมีศิลปะ การแสดงออกทุกอริยบททั้งสง่างามและสร้างแรงบันดาลใจดีๆให้แก่ผู้พบเห็น สิ่งนี้ผมได้นำมาปฏิบัติ และจะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไป , หลวงพ่อธัมมชโยเป็นผู้รักการปฏิบัติธรรมเป็นชีวิตจิตใจ สังเกตุได้จากกิจกรรมของวัดพระธรรมกายทุกครั้งจะมีการนั่งสมาธิ ซึ่งถือว่าเป็นแก่นสำคัญของวัดนี้เลยก็ว่าได้ นี่คืออีกสิ่งที่ผมประทับใจวัดพระธรรมกายแห่งนี้ เพราะสมาธิตอบโจทย์ผมทั้งในด้านการเรียน คือเรียนได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้านสังคม คือ เข้าสังคมได้ดี เพราะอารมณ์ไม่แปรปวน และมองเห็นข้อดีของคนอื่นเนื่องจากใจไม่ฟุ้งซ่าน ด้านสุขภาพ พบว่าการนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอทำให้สมองปรอดโปร่งจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้นทำให้สุขภาพแข็งแรงตามมา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผมได้รับมาจาก พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย จากวัดพระธรรมกายแห่งนี้ แล้วคุณๆ จะรออะไรอีกครับ มาสัมผัสสิ่งดีที่จะทำให้ชิวิตคุณพัฒนาขึ้นอย่างมีความสุข ด้วยกันนะครับ

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

ท่านมาวัดพระธรรมกายครั้งแรกได้อย่างไร???

ต้องขอบอกก่อนเลยนะครับ ว่าผมเป็นคนภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่ขอบอกว่าไม่ชอบวัดพระธรรมกายเอามากๆ หลายคนแค่ได้ยินปากต่อปาก หลายคนอาจเห็นในข่าว แต่จะมีซักกี่คนที่ได้มาดูกับตาด้วยตัวเอง!! ผมมีโอกาสได้มาวัดพระธรรมกายครั้งแรกในวันมาฆบูชาซึ่งบังเอิญตรงกับวันวาเลนไทน์ มาครั้งแรกตะลึงครับ จะมีสักกี่ที่ที่รวมผู้คนมาทำกิจกรรมแห่งความดีได้ขนาดนี้ ทุกคนใส่ชุดขาว สื่อถึงความสามัคคีที่พร้อมเพรียงกันแสดงความเคารพต่อพระรัตนไตร อีกทั้งพิธีกรรมของวัดพระธรรมกายยังศักดิ์สิทธิ์ สงบ ทุกคนรวมใจกันสวดมนต์ นั่งสมาธิ จุดโคมมาฆประทีป พร้อมเพรียงกัน เป็นวันแห่งความรักที่ผมไม่มีวันลืมได้ลง เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผมเกิดข้อสงสัยขึ้นในใจว่า ถ้าที่เราได้รับรู้เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาบอกหละ ด้วยความคิดเช่นนี้เองปิดเทอมปี สอง ผมจึงเปิดโอกาสตัวเองมาพิสูจน์อีกครั้ง กับการอุปสมบทที่วัดพระธรรมกายในช่วงปิดเทอม ในโครงการธรรมทายาทรุ่น 42  ก่อนที่ผมจะได้บวชต้องฝึกตัวเองในช่วงที่เป็นนาค ร่วมสองสัปดาห์ฝึกตัวทุกอริยบททั้งนั่งนอนยืนเดินเรียกว่า ไม่ได้ง่ายเลย ก่อนจะได้ห่มผ้าเหลือง ตอนแรกนึกว่ามาบวชที่วัดพระธรรมกายจะสบายกว่านี้ นึกว่า เป็นนาคแค่ครึ่งวัน แล้วช่วงบ่ายจะได้บวชเป็นพระ เหมือนที่ผมเคยเห็นตามประเพณีแถวบ้าน! หลังจากได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุยิ่งต้องฝึกตัวอย่างเข้มข้นกว่าเดิมหลายเท่า เรียกได้ว่า คิดดี พูดดี ทำดี ไม่ปล่อยให้นิสัยเสียๆได้ออกมาแผลงฤทธิ์ได้เลย รู้สึกช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตช่วงเวลาหนึ่งเลยก็ว่าได้ ที่ประทับใจอีกอย่างมีโอกาสไปพัฒนาวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง ซึ่งเป็นการทำนุบำรุงพระศาสนาอย่างแท้จริง ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าวัดพระธรรมกายมีจุดประสงค์เพื่อสร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระแท้และสร้างคนให้เป็นคนดี ที่วัดแห่งนี้มีผู้นำคือพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดแห่งนี้จนพัฒนาได้ถึงปัจจุบัน นโยบายของหลวงพ่อธัมมชโยแต่ละอย่างเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และส่งผลให้สังคมนี้เพิ่มพูนจริยธรรมทั้งสิ้น ท่านหวังให้สังคมจนไปถึงประเทศชาติให้มีแต่ความสงบล่มเย็นและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน เห็นได้จากตัวอย่างของโครงการต่างๆ ที่วัดพระธรรมกายจัดขึ้น เช่นรวมพลังเด็กดีวีสตาร์ ที่ต้องผ่านบทฝึกในเรื่องศีลธรรม ในเรื่องความเคารพอ่อนน้อมและกตัญญู , โครงการช่วยเหลือวัด323 วัดในสี่จังหวัดชายแดนใต้ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่,มีโครงการบวชพระทั่วไทย และอีกมากมาย โครงการเหล่านี้ต้องใช้งบประมาณมหาศาล ซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐซักบาท สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงอุปสรรคเล็กน้อยในสายตาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย  ท่านมองที่เป้าหมายและสนับสนุนให้โครงการเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นให้ได้ ถึงแม้ต้องเจอกระแสต่างทั้งสื่อมวลชน ทั้งเรื่องของการเมือง แต่ท่านไม่เคยท้อ หลวงพ่อธัมมชโยท่านไม่ได้เพียงพูดเท่านั้นแต่ท่านปฏิบัติให้ดู ทั้งการแสดงออก และวัตรปฏิบัติช่างงดงาม ท่านทำแบบนี้จนปัจจุบันท่านมีอายุถึง 72 พรรณษาเข้าไปแล้วท่านก็ยังปฏิบัติแบบเดิม โดยคงแนวคิดเดิม คือไม่สู้ไม่หนีทำดีเรื่อยไป ยิ่งสุขภาพท่านแย่ลงเท่าใด งานของพระศาสนาต้องก้าวหน้ามากขึ้นกว่านั้นหลายเท่า หลวงพ่อธัมมชโยไม่เคยแสดงสิ่งใดให้เป็นที่ด่างพร้อยแก่ตัวท่าน วัด และพระศาสนาเลย  ที่สำคัญท่านไม่เคยแสดงความย่อท้อหรือเหน็ดหนื่อยให้คนในวัดได้เห็นเลยแม้แต่เล็กน้อย หลังจากที่ผมมีโอกาสได้เข้ามารู้จักวัดพระธรรมกาย โดยผ่านการอุปสมบท การมาเข้าร่วมกิจกรรมอีกหลายๆครั้ง ทำให้คำถามที่เคยมีอยู่คำครหาของวัดพระธรรมกาย ได้หมดสิ้นไปจากใจผมทั้งสิ้นนั้นเป็นเพราะว่าผมได้เข้าใจว่าวัดแห่งนี้กำลังทำอะไรเพื่อสิ่งใดกันแน่ ทุกอย่างที่วัดทำมีเหตุผล อีกทั้งเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง และที่สำคัญครูบาอาจารย์ของที่นี้ คือพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนีหลวงพ่อธัมมชโย เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นต้นบุญต้นแบบให้แก่ลูกศิษย์ สาธุชน รวมถึงตัวผมได้อย่างแท้จริง  ซึ่งควรค่าแก่การยกย่องเป็นพระที่ทรงคุณูปการอย่างมหาศาลอีกรูปนึงในประเทศทีเดียว สิ่งเหล่านี้ที่ผมได้เล่ามาอย่างยาวเยียด ผมไม่ได้หวังให้คนอ่านทุกคนเชื่อผม แต่หวังให้ใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรองให้รอบคอบ และเชิญมาพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าที่นี้ วัดพระธรรมกายแห่งนี้เค้ามีอะไรดี แล้วคุณจะได้ตอบตัวเองได้อย่างเต็มใจว่าตัวเราก็ไปพิสูจน์มาแล้วนะ พูดได้อย่างเต็มปากเลย ไม่ได้ฟังแต่เสียงรอบข้างหรือสื่ออย่างเดียว