วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

"หลวงพ่อ...ทำให้ชีวิตท่านดีขึ้นอย่างไร"

สวัสดีครับท่านผู้มีบุญทั้งหลาย วันนี้ผมขออนุญาต เขียนเรื่องราวดีๆ ของบุคคลอัศจรรย์ โดยสังเขป รวมถึง ธรรมะแง่คิดที่ผมได้รับจากบุคคลคนนี้จนทำให้ชีวิตผมดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ  บุคคลอัศจรรย์ท่านนั้น คือ พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุณี หลวงพ่อธัมมชโย

พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุณี  มีนามเดิมว่า ไชยบูลย์ สุทธิผล  ท่านเป็นผู้ขวนขวายในการศึกษาหาความรู้ต่างๆ อยู่เสมอ และมีความสุขกับการใช้เวลาว่างไปแสวงหาความรู้ตามแผงหนังสือ หรือตลาดนัดหนังสือนานาประเภท  ผิดกับเด็กวัยเดียวกันที่มักจะเอาแต่เที่ยวเล่นสนุกสนานไปวันๆ  หากวันใดเจอหนังสือที่เกี่ยวกับการปฏิบัติกรรมฐาน เป็นต้องหยิบอ่านซ้ำแล้ว ซ้ำอีก อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ยิ่งอ่านก็ยิ่งขัดเกลาความคิดให้มองเห็นความทุกข์ในทางโลกยิ่งขึ้น แม้กระทั่งหนังสือประเภทประวัติบุคคลสำคัญของโลก ก็อ่านแล้วอ่านอีกจนจำชื่อและผลงานของแต่ละท่านได้แม่นยำ และได้จุดประกายความคิดในใจว่า เราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต ซึ่งความคิดเกินวัยนี้ ท่านได้เขียนไว้ในสมุดบันทึกในวัย 13 ปี ตอนหนึ่งว่า

“ถ้าเรามาทางโลก ก็อยากไปให้สูงสุดในทางโลก ถ้าหากว่าอยู่ในทางธรรม ก็อยากจะไปให้สูงที่สุดในทางธรรม และก็จะนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ทั่วโลก”
ท่านต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง  กิจวัตรส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อการทำสมาธิทั้งสิ้น ทุกวันเวลาประมาณ 6 โมงเช้า ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สมัยนั้นต้องขึ้นรถเมล์ถึง 3 ต่อ ขณะที่อยู่บนรถไม่ว่านั่งหรือยืนก็ตาม ท่านจะหลับตาทำสมาธิอยู่ตลอดเวลา  ประมาณ 8 โมงเช้าจึงมาถึงวัดปากน้ำ  และรีบตรงดิ่งไปนั่งสมาธิต่อกับคุณยายทันที จนกระทั่งถึง 2 ทุ่มจึงเลิก  และกลับถึงมหาวิทยาลัยราว  4 ทุ่ม
ประวัติในส่วนนี้แสดงให้เห็นอุปนิสัยที่แตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน คือมีอุปนิสัยรักในการแสวงหาความรู้ จนเกิดความคิดตามอย่างบัณฑิตโบราณ ที่มิใช่มองชิวิตเพียงแค่ช่วงที่มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้เท่านั้นหากแต่ มองถึงความเป็นจริงของชีวิต ส่งผลให้ความคิดความอ่าน รวมถึงการดำลงชิวิตเป็นไปอย่างถูกต้อง ตาม ครรลองคลองธรรม เมื่อท่านพบครูบาอาจารย์คือ คุณยายอาจารย์จันทร์  ขนนกยูงแล้ว ท่านก็ทุ่มเทปกิบัติธรรมอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันในส่วนนี้ เป็นเกิดแรงบันดาลใจให้ผมคิดในหลายๆด้าน ได้แก่เมื่อ เราพบความรู้ที่แท้จริงอันเป็นไปเพื่อการดับกองทุกข์ ซึ่งเป็นความรู้ในบุญเขตของพระพุทธศาสนา แล้วทำไมเราถึงจะทิ้งไปเล่า ความรู้นี้จะส่งผลให้ชิวิตของผู้ที่ปฏิบัติธรรมจะยิ่งเจริญงอกงามและมีความสุข ทำให้ผมสนใจศึกษาะรรมะมากขึ้นจากที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจเลย สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องโดยอาศัยธรรมะเป็นพื้นฐาน  รวมถึงได้ข้อคิดว่า ของจริงย่อมคู่กับคนจริง ขนาดพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังต้องอุทิศกายใจ ฝึกตัวมาตั้งมากมาย ปัจจจุบันท่านก็ยังเป็นต้นบุญต้นแบบในการฝึกตัว ซึ่งผมก็ได้น้อมนำมาปฏิบัติได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อย่างน้อยก็ฝึกอุปนิสัยรักในการฝึกตัวเพื่อต่อยอดคุณธรรมให้เพิ่มมากขึ้น
 แม้จะเอาจริงเอาจังกับการทำสมาธิเพียงใด แต่เรื่องการเรียนก็สามารถสอบผ่านไปได้ด้วยดีทุกภาคการศึกษา เพราะเป็นธรรมดาของบัณฑิตผู้มีปัญญาที่ตระหนักว่า การศึกษาที่สมบูรณ์จำเป็นต้องควบคู่กันไปทั้งทางโลกและทางธรรม ความรู้ทางโลก มีความจำเป็นต้องเรียนเพื่อหาเลี้ยงชีพ ส่วนความรู้ทางธรรม เรียนไปเพื่อกล่อมเกลาจิตใจให้ดีงาม และที่สำคัญทำให้ท่านคลายความสงสัยในเรื่องที่เป็นความลับของชีวิต ที่ว่า คนเราตายแล้วไปไหน ?  นรก สวรรค์ มีจริงหรือไม่ ? จะพิสูจน์ได้อย่างไร ความรู้ที่ลึกซึ้งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัยใดๆ  นอกจากความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   จึงเป็นเหตุให้จิตใจของท่านเอนเอียงมาในการศึกษาทางธรรมมากกว่า  เพราะแม้กระทั่งในเวลาสอบ ถ้าสอบตอนเช้าตอนบ่ายก็จะนั่งรถเมล์ไปปฏิบัติธรรมที่วัดปากน้ำ  และทำอยู่เช่นนี้อย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด จนกระทั่งเรียนจบ
ถึงแม้หลวงพ่อท่านจะทำสมาธิมากเพียงใด หน้าที่ของท่านคือ การศึกกษาเล่าเรียนก็ไม่ได้กระทบแต่อย่างใดเป็นต้นบุญต้นแบบในการรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนอย่างยิ่งยวดในทุกๆหน้าที่ที่เราเป็น คุณธรรมเรื่องความรับผิดชอบนี้ ผมก็ได้น้อมนำมาปฏิบัติ ทำให้ชิวิตผมทั้งทางด้านการศึกษาธรรมะ รวมถึงหน้าที่ในการเรียนก็สามารถไปควบคู่กันได้ด้วยดี

 เงินทุนเริ่มต้นของการสร้างวัดมีอยู่เพียง 3,200 บาท กับที่นา 196 ไร่ ที่ได้รับบริจาคมาจากคุณหญิงประหยัด แพทยพงศาวิสุทธาธิบดี 
หมู่คณะทุกคน จึงต้องตรากตรำทำงานหนักและดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายยิ่ง มีเพียงน้ำพริกผักจิ้มเป็นอาหารหลัก โดยอาศัยเก็บผักที่ขึ้นอยู่ตามท้องนาบริเวณนั้น 

แต่ทุกคนก็เต็มเปี่ยมด้วยขวัญและกำลังใจ ทั้งเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำว่าจะต้องสำเร็จ แม้ว่าขณะนั้นจะยังมองไม่เห็นทางเลยก็ตาม ปัญหาหนักเรื่องหนึ่ง ก็คือ การจัดหาทุน
 
     ในเรื่องนี้พระราชภาวนาวิสุทธิ์จะให้โอวาทแก่คณะทำงานเสมอว่า ปัจจัยทุกอย่างที่สาธุชนทำบุญมานั้น เป็นปัจจัยที่ผู้ทำบุญได้อธิษฐานจบท่วมหัวถวายพระศาสนาจะต้องช่วยกันดูแลรักษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

 จากภาพที่ผ่านมานั้นแสดงถึงคุณธรรม หลายอย่างของหลวงพ่อทั้งมุ่งมานะ อดทน การเป็นผู้นำ ที่ทำให้ดู มิใช่เจ้านายที่สั่งให้ทำ ทำให้ผมตระหนักว่าหัวใจของหลวงพ่อนั้นใหญ่มหาศาลกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบ ท่านเป็นยอดผู้นำในหมู่ผู้นำ  ผมได้ข้อคิดว่าการเป็นผู้นำคนต้องมีกำลังใจที่มหาศาล ต้องมีความเข้าใจในหมู่คณะ
หลังจากบวชแล้วท่านได้กล่าวถึงอุดมการณ์ในการออกบวช ไว้ตอนหนึ่งว่า:
 
“การบวชเป็นพระไม่ใช่ของง่าย หาใช่ครองผ้ากาสาวพัสตร์แล้วจะเป็นพระได้  จะต้องปฏิบัติกิจวัตรของสงฆ์ซึ่งมีศีล ๒๒๗ ข้อ  ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย… การบวชนั้นถ้าจะให้ได้บุญกุศล ควรจะเป็นที่พึ่งของพระศาสนาได้ด้วย ไม่ใช่บวชมาเพื่อพึ่งพระศาสนาอย่างเดียว"

สุดท้ายนี้ผมอยากบอกว่าคุณธรรมของท่านมีมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสามารถ น้อมนำไปปฏิบัติตามได้มากน้อยแค่ไหน  เมื่อผมได้มีโอกาสรู้จักหลวงพ่อรู้จักวัดพระธรรมกาย ชีวิตผมรวมถึงครอบครัวมีสิ่งดีเกิดขึ้น หลายเรื่องก็สำเร็จอย่างอัศจรรย์  ถึงแม้ว่าอุปสรรคหรือปัญหาหลายๆอย่างยังคงมีอยู่ แต่หนทางวิธีการที่ได้จากธรรมมะและคุณธรรมในการฝึกตัวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็เป็นเครื่องการันตีได้อย่างแน่นอนแล้วว่า ทางสายนี้ที่มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นผู้นำ จะมีปลายทางที่ทำให้ชีวิตมีแต่ความเจริญ ไม่หลงไปเสียเวลา กับเรื่องต่างๆ ปลอดภัยจากอบายมุขทั้งปวง  ที่สำคัญชิวิตของผมและคนรอบข้างก็ต้องดีขึ้น ดีขึ้น ทุกวันแน่นอน